เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
Bangkok, Bangkok, Thailand
http://thailandonly8-ningtor.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง และข้าวหมูแดง

ส่วนผสม

เส้นบะหมี่                               หมูสันใน                     ซอสทำหมูแดง
น้ำผึ้ง                                    กระเทียม                     ผักกวางตุ้ง
แผ่นเกี๊ยว                               กุ้ง                             น้ำเปล่า
หัวไชท้าว                              ต้นหอม                       ผักชี
ผงทำน้ำราดข้าวหมูแดง            พริกหยวก                    น้ำมันพืช
ผงปรุงรส                               กระดูกหมู                    น้ำตาลกรวด
น้ำเย็น                                   ซุปก้อน

เครื่องปรุง

พริกป่น         น้ำตาลทราย             น้ำส้มสายชู             น้ำปลา

ขั้นตอนการทำ

ผงปรุงหมูแดง


ละลายผงปรุงหมูแดง 1 ซองกับน้ำ 1/2 ถ้วยตวง (120มล.)


ละลาย โดยคนให้เข้ากัน


คลุกเคล้ากับหมูหมักทิ้งไว้ 2-3 ชม.


เปิดเตาอบที่ 400 องศาฟาเรนไฮ (200 องศาเซลเซียส) อบประมาณ 20 นาที จนสุก หรือย่างโดยใช้ไฟแรงๆก็ได้

หั่นผักกวางตุ้งเป็นท่อนๆ

ต้มน้ำ นำผักกวางตุ้งไปลวก พอสุก

นำมาแช่น้ำเย็น (ผักจะเขียวสดและกอบ) ตักขึ้นพักไว้

เจียวกระเทียมพักไว้

นำเส้นบะหมี่มาคลี่ออกใส่ตะแกรง 
  

นำไปเขย่าในน้ำเปล่า


แล้วนำไปลวกในน้ำร้อน

แล้วนำมาแช่น้ำเปล่า

ตักขึ้นใส่ภาชนะไว้
นำกระเทียมเจียวลงไปคลุก เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน

เกี๊ยวกุ้ง นำแผ่นเกี๊ยวมาห่อกุ้งไว้ (กุ้งนำไปบด ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสเล็กน้อย)
นำเกี๊ยวไปลวกเหมือนกับบะหมี่ ทำวิธีเดียวกัน


เกี๊ยวกุ้ง



วิธีทำน้ำราดหมูแดง

ผสมผงปรุง กับน้ำ 1ถ้วยตวง  คนให้เข้ากัน
ตั้งไฟ หมั่นคน พอเดือด ยกลง

วิธีทำน้ำซุป

ปลอกหัวไชเท้าและหั่นเป็นชิ้นๆ
ตั้งน้ำ พอเดือด ใส่ซุปก้อน น้ำตาลกรวด หัวไชเท้า กระดูกหมู

รอน้ำเดือดอีกรอบ ดูว่ากระดูกหมูสุก ชิม ถ้ายังไม่เข้มข้นใส่ผงปรุงรสเพิ่มเข้าไป ได้น้ำซุปแสนอร่อย

นำพริกหยวกมาหั่นเป็นท่อนๆใส่น้ำส้มสายชูไว้ปรุงรสเวลาทานบะหมี่
นำพริกหยวกที่หั่นไว้มาใส่ลงในซอสหวาน สำหรับทานกับข้าวหมูแดง

นำหมูแดงมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ


ซอยต้นหอม ผักชี พักไว้


เวลาทานบะหมี่ นำบะหมี่ใส่จาน จัดเรียงผัก หมูแดง ผักชีตามใจชอบ ดังรูป
เวลาทานข้าวก็จัดแต่ง ดังรูป




   

แกงกะทิหน่อไม้

ส่วนผสม

หน่อไม้ดอง          พริกแกง         พริกชี้ฟ้า
น้ำปลา                  กะทิ               ใบโหระพา
น้ำเปล่า                เนื้อหมู  

ขั้นตอนการทำ

นำหน่อไม้ดองล้างน้ำ ประมาณ 2 ครั้ง  แล้วนำมาต้มในน้ำเดือด


ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำพักไว้


หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นๆ


หั่นพริกชี้ฟ้าเป็นเส้นๆ


เด็ดใบโหระพาพักไว้



นำกะทิใส่กะทะพอเดือด


ใส่พริกแกงลงไปผัดจนเหลือง


ใส่หมู  หน่อไม้  พริกชี้ฟ้า เติมน้ำเพิ่มเข้าไปพอประมาณ


 ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิม ใส่ใบโหระพา เป็นอันเรียบร้อย

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผงฟู สารพัดประโยชน์


เนื่องจากผงฟูมีอนุภาคเล็กเป็นรูปทรงผลึกที่อ่อนนุ่ม จึงช่วยในการขัดถู ยังมีสรรพคุณในการดูดกลิ่นเหม็น ดูดความชื้น ปรับค่าความเป็นกรดด่าง ฆ่าเชื้อโรค จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในบ้านเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพตามตำรับและสูตรต่างๆ ดังต่อไปนี้

หน้าต่าง

1. ขจัดคราบสกปรกบนขอบและบานหน้าต่าง ด้วยฟองน้ำเปียกๆ ที่โรยด้วยผงฟูเล็กน้อยใช้ล้างด้วยฟองน้ำและเช็ดแห้ง

2. ล้างหน้าต่างบานเกล็ดด้วยน้ำอุ่นที่ผสมผงฟู 3/4 ถ้วยตวง ราดน้ำให้เปียกทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง ก่อนใช้แปรงขัดออก

3. ล้างหน้าต่างอลูมิเนียม โดยใช้แปรงเปียกๆ จิ้มผงฟูขัดออกใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มๆ ล้างให้สะอาดทำความสะอาดงานไม้

4. ทำความสะอาดงานจากไม้ฝาผนังหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ โดยการผสมน้ำส้มสายชู ผงฟู และน้ำอุ่น
5. ถ้าพื้นผิวผนังสกปรกมีคราบเหนียวเหนอะหนะให้ใช้แอมโมเนีย 1 ถ้วยตวง นำไปเช็ดให้ทั่วฝาผนังด้วยฟองน้ำหมาดๆ อย่าใช้ผ้าขนหนูเปียก ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที ก่อนที่จะเช็ดคราบสกปรกออก (ควรจำไว้เสมอว่าเครื่องเรือนไม้มีลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าไม่แน่ใจให้ทดลองเฉพาะพื้นที่เล็กๆ ก่อน)

6. รอยด่างเป็นวงหรือรอยจุดบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ หากเกิดความร้อนบางครั้งก็อาจขัดออกได้ด้วยการผสมยาสีฟัน และผงฟูในสัดส่วนเท่าๆ กันใช้ผ้านุ่มเช็ดออกเบาๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดเงาด้วยก็ได้หากจำเป็น
7. ขจัดคราบหยดน้ำบนพื้นไม้โดยการใช้ผงฟูกับกับผ้าขี้ริ้วหมาดๆ เช็ดออก จำไว้ว่าเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ไม่ควรทำให้เปียก
 
ทำความสะอาดพื้นผิว
1. ใช้ฟองน้ำเปียกๆ เช็ดผงฟูเพื่อเช็ดคราบสีเทียนที่ติดบนผนัง เช็ดถูเบาๆ วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกส่วนใหญ่อื่นๆ รวมทั้งคราบน้ำมัน ดินสอ และปากกามาร์คเกอร์ได้ด้วย

2. ใช้ผงฟูผสมน้ำเปียกๆ ข้นๆ เพื่อเช็ดถูคราบสกปรกที่เกิดจากรอยลากไปมาบนพื้นเสื่อน้ำมัน

3. ขจัดคราบหรือหยดน้ำหมึกออกจากพื้นเสื่อน้ำมันโดยการใช้ผงฟูข้นๆ ป้ายบริเวณสกปรกทิ้งไว้จนแห้งสักครู่ก่อนจะเช็ดออก และใช้ผงฟูใหม่ๆ ขัดออกอีกครั้ง
ทำความสะอาดพรม

1. ซักพรมโดยใช้เครื่องโดยการเติมผงฟูผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน หรือจะซักในถุงน้ำก็ได้ ถ้าคุณจะทำความสะอาดเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกโดยการแปรงด้วยมือ ให้โรยผงฟูเล็กน้อยลงบนรอยสกปรก ทิ้งไว้สักครู่ก่อนที่จะเช็ดออกด้วยฟองน้ำหรือผ้าโดยเฉพาะนั้นด้วย

ฟองน้ำหรือผ้าขนหนู (ทดลองทำก่อนเพราะระวังเรื่องสีตก)

2. ขจัดคราบไวน์หรือคราบสกปรกมันบนพรม โดยการโรยผงฟูบางๆ ทันทีที่มีรอยเปื้อนทำซ้ำหรือค่อยๆ เติมผงฟูใหม่อีกครั้งหากจำเป็น ควรทิ้งไว้สักครู่จนกว่าผงฟูจะดูดซับคราบสกปรก จากนั้นให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด

บ้านสุขภาพดี

1. ป้องกันไม่ให้ภาชนะกระเป๋าเดินทางของคุณมีกลิ่นเหม็นอับเหม็นชื้นจากเชื้อรา โดยการโรยผงฟูลงบนภาชนะข้าวของเครื่องใช้ก่อนที่จะเก็บเข้าที่เข้าทางอย่างมิดชิด

2. โรยผงฟูในโถส้วม อ่างล้างหน้า อ่างล้างจานชาม อ่างอาบน้ำ หรือโรยลงบนฟักบัวทิ้งไว้ ก่อนที่คุณจะหยุดใช้ชั่วคราว เพื่อไปพักร้อน วิธีนี้จะช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นอับ กลิ่นเก่าเก็บตกค้าง

3. ขจัดกลิ่นเหม็นอับอกจากผ้านวม ผ้าห่ม หลังจากที่คุณเก็บไว้นานๆ โรยผงฟูลงบนผ้านั้น ม้วนเก็บไว้สัก 2 ชั่วโมง จากนั้นสะบัดออกและตบให้ฟูหรือใช้ไดร์เป่าลมให้ฟูโดยไม่ใช้ความร้อนเป่า

4. นำผงปิดฝากล่องตั้งทิ้งไว้ในห้องที่โรงงาน เพื่อขจัดกลิ่นสี หรือกลิ่นสารระเหย หรือกลิ่นน้ำยาขัดเคลือบวัสดุต่างๆ

5. ช่วยลดกลิ่นตกค้างกันของบุหรี่ โดยการโรยผงฟูสักเล็กน้อยลงบนถาดเขี่ยบุหรี่

6. ขจัดกลิ่นตกค้างบนผ้าปูโต๊ะโดยการแช่ผ้าในน้ำละลายผงฟู


กำจัดกลิ่นรองเท้าด้วยผงฟู
1. วางถุงหรือซองผงฟู ไว้ในรองเท้าผ้าใบหุ้มส้น เพื่อไม่ให้รองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับหลังการใส่และมีกลิ่นเหม็นตกค้างอยู่ในตู้รองเท้า วิธีนี้คุณอาจจะใช้ผงฟูผสมกับแป้งหอมกลิ่นที่คุณชอบผสมรวมกันไว้ในซองตามที่ต้องการ

2. โรยผงฟูในรองเท้าผงฟูจะช่วยดูดซับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกไป ทิ้งไว้ข้ามคืน รุ่งขึ้นคุณแค่เคาะผงฟูออก
 

อีกแบบนึงค่ะ  ดับกลิ่นรองเท้า โดยโรยเบคกิ้งโซดาในรองเท้า แล้วนำรองเท้าใส่ถุงพลาสติกรัดให้แน่น นำไปแช่ช่องแข็งของตู้เย็นไว้ 1 หรือ 2 คืน หลังจากนั้นนำรองเท้าออกมาจากตู้เย็นนำไปสลัดผงเบคกิ้งโซดาออกให้หมดสามารถใส่ได้เลย

เบ็ดเตล็ดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการดูแลรักษา

1. ล้างผงฟูสัก 1 ถ้วยตวง ลงในโถส้วมหรือท่อน้ำทิ้งเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยคงสภาพความเป็นกรด-ด่าง ระบบของถังบำบัดของเสีย สภาพความเป็นกรดด่างในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้แบคทีเรียแตกตัวทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการอุดตันและตกค้างในแทงค์และท่อน้ำทิ้ง การใช้ผงฟูสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้แทงค์คอนกรีตหรือแทงค์ที่ทำจากโลหะผุกร่อนง่าย โดยเฉพาะบริเวณฝาแทงค์ที่ต้องสัมผัสกับไอระเหยที่ทำให้ผุกร่อนง่าย

2. ผสมผงฟูกับน้ำเล็กน้อยให้เปียกๆ ข้นๆ เพื่ออุดรูตามผนังที่มีรอยปูนแตกร้าว เพื่อซ่อมแซมเป็นการชั่วคราว เมื่อมันแห้งแล้วจะดูกลมกลืนเข้ากับฝาผนังปูนพลาสเตอร์ขาว เมื่อต้องการซ่อมแซมอย่างถาวรให้ผสมมผงฟูกับกาว (ลาเท็กซ์) ซ่อมแซมสีขาวที่ใช้ตามบ้านเรือน
3. ทำความสะอาดผนังที่มีคราบดำของเขม่าควัน ด้วยการใช้เศษผ้าชื่นๆ และผงฟูละลายเข้มข้น

4. ทำความสะอาดอุปกรณ์ตกแต่งเครื่องเรือนโดยการโรยผงฟูให้ทั่วเครื่องตกแต่ง ทิ้งไว้สักครู่จากนั้นจึงดูดออก กลิ่นเขม่าควันจะถูกกำจัดออกจนหมดจด

5. ใช้ผงฟูทำความสะอาดเครื่องประดับลวดลายลูกไม้ประเภทต่างๆ

6. ทำความสะอาดแป้นพิมพ์ดีด ด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนๆ ขัดโดยใช้ผงฟู 4 ช้อนโต๊ะละลายกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นใช้กระดาษชำระเช็ดออก

7. แช่ไม้ถูพื้นหรือไม้กวาดในน้ำ 1 ถัง ละลายผงฟู 4 ช้อนชา แต่ให้แช่หลังจากที่ชำระสิ่งสกปรกออกไปแล้ว วิธีนี้จะเป็นการกำจัดกลิ่นเหม็นอับตกค้างบนไม้ถูพื้น หลังแช่ตากให้แห้ง





 ลองทดลองใช้กันดูนะคะโดยเฉพาะเรื่องกำจัดกลิ่นอับจากรองเท้า รับรองว่าถูกใจค่ะ

(@)__(@)
(^_^) 
[] _  [] 
 (0-0)  

  ประโยชน์ของ โซเดียม ไบคาร์บอเนต มีดังนี้
1. บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ผสมเบคกิ้งโซดาลงในน้ำอุ่นสำหรับอาบจะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้จากแดดได้

2. แก้เจ็บคอ ผสมเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่าใช้กลั้วคอทุก ๆ 4 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บคออันเกิดจากกรด รวมทั้งยังช่วยรักษาแผลในช่องปากได้ดีอีกด้วย

3. น้ำยาดับกลิ่นปาก

- ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ในน้ำ 1 แก้ว สามารถดับกลิ่นหอม ,กระเทียม ได้ ถ้าใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น 1 แก้ว และผสมเกลือใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้
- ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น 1 ถ้วย ใช้บ้วนปากจะช่วยดับกลิ่นปากได้

4. ขัดฟันให้ขาว นำเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา ใช้แปรงสีฟันจุ่มแล้วขัดฟันเบา ๆ บ้วนน้ำเปล่าจนสะอาดคราบชา กาแฟ จะหายไป (ห้ามทำเวลาป่วยเพราะมะนาวมีกรดสูงอาจทำลายเคลือบฟันได้)

5. ทำสครับขัดหน้า

- นำเบคกิ้งโซดา 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ผสมกันให้พอเปียก ๆ แล้วขัดหน้าเบา ๆ จนรู้สึกว่าหน้าสะอาดแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า

- นำเบคกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำ 2 ช้อนตวง นำมาผสมให้เข้ากันแล้วนำมาขัดหน้าเบา ๆ เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดและนุ่ม

6. ทำสครับขัดผิว นำเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย เกลือ 1/2 ถ้วย มะนาว 1 ลูก น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกันก่อนจะใช้แล้วนำมาขัดผิวกายระหว่างอาบน้ำ

7. สปาเท้า นำเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์ และนำน้ำอุ่นใส่ในกะละมังแช่เท้า จะช่วยฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเท้า รวมทั้งความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้
8. น้ำยาล้างสารพิษจากผักและผลไม้ นำเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 10 ลิตร นำผักและผลไม้มาแช่ไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้งจะสามารถลดสารพิได้ 90%

9. น้ำยาล้างคราบในกาน้ำชาที่เป็นโลหะ ใส่น้ำลงในกาน้ำชาแล้วเติมเบคกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ บีบน้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก แล้วนำไปต้มประมาณ 15 นาที เวลาที่ขัดทำความสะอาดจะง่ายขึ้น

10. น้ำยาทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ นำเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 1 ลิตร นำผ้ามาชุบแล้วเช็ดทำความสะอาดภายในตู้ไมโครเวฟคราบสกปรกจะเช็ดออกง่ายขึ้น สามารถขจัดคราบไขมันอุดตันที่ติดอยู่รอบอ่างล้างจานได้ดี วิธีทำ คือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบคกิ้งโซดาไปต้มกับน้ำให้เดือดแล้วเทลงไปไขมันที่อุดตันอยู่ตามอ่างล้างจานก็จะหลุดออกไปจนหมด

11. ทำความสะอาดและดับกลิ่นชักโครก ใช้ดับกลิ่นท่อและแก้ปัญหาท่ออุดตัน นำเบคกิ้งโซดาเทลงไปในท่อ 1 ถ้วยก่อนแล้วใส่เกลือแกงลงไป 1/4 ถ้วย ตามด้วยน้ำร้อนจะทำให้ท่อไม่ตันและสามารถดับกลิ่นได้อีกด้วย สามารถนำไปดับกลิ่นอับในตู้เย็นได้ นำเบคกิ้งโซดาเทใส่ถ้วยแล้วนำไปไว้ด้านในสุดของตู้เย็น
จะสามารถดับกลิ่นในตู้เย็นได้ และคอยเปลี่ยนทุก 3 เดือน

12. เช็ดเตารีด ใช้ผ้าชุบน้ำผสมเบคกิ้งโซดาบิดพอหมาด นำไปเช็ดใต้เตารีดจะทำให้เรารีดสะอาดขึ้น ไม่มีรอบขูดขีด

13. ดับกลิ่นบุหรี่ในรถได้ นำเบคกิ้งโซดามาโรยลงที่ก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถ เพราะเบคกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่นบุหรี่ได้ดี แต่ต้องโรยผงเบคกิ้งโซดาทุกครั้งที่ทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่



 

ปลาหมึกผัดผงกะหรี่

       
 ความน่าสนใจของจานนี้อยู่ที่ซอสผักกาดขาว ที่เพิ่มเข้ามาเป็นสไตล์พิเศษ ทำให้มีความขลุกขลิกกลมกล่อมขึ้น นอกจากนี้ผักกาดขาวยังมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร ลดการท้องอืด ท้องเฟ้อ และลดความดัน จึงถือว่าเหมาะที่จะเป็นตัวช่วยในการลดความร้อนแรงของเครื่องเทศ และความย่อยยากของปลาหมึกไปได้ส่วนหนึ่งค่ะ
          หากใครไม่ชอบปลาหมึกหรือแพ้อาหารทะเล สามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อื่นๆได้ค่ะ
ส่วนผสม

ปลาหมึกสด  50 กรัม                         ไข่ไก่  2 ฟอง                      หอมใหญ่  40 กรัม
ต้นหอม 2 ต้น                                    กระเทียมสับ 2 กลีบ            พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
ผงกะหรี่ 1/2 ช้อนชา                           น้ำปลา 1 ช้อนชา                  ผักกาดขาว 30 กรัม
น้ำ 200 ซี.ซี.                                    เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย
แป้งมัน 10 กรัม

ขั้นตอนการทำ

1.หั้นปลาหมึกเป็นแว่น หอมใหญ่หั่นซอยตามขวาง พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น ต้นหอมหั่นเป็นท่อน


2.เจียวไข่ พักไว้


3.ผสมแป้งมันกับน้ำเล็กน้อยพักไว้  นำผักกาดขาวหั่นซอยแล้วต้มกับน้ำ ใส่เกลือเล็กน้อย พอผักกาดขาวสุก เติมน้ำแป้งมันลงไปคนจนเกิดความเหนียวข้นตักขึ้นพักไว้ก่อน


4.ตั้งกะทะใส่น้ำมันเล็กน้อย นำปลาหมึกลงผัด ตามด้วยหอมหัวใหญ่ กระเทียม พริกชี้ฟ้า ผงกะหรี่ น้ำปลา น้ำตาล และไข่ ผัดจนสุก  จึงเติมต้นหอมลงไปคลุกเคล้า แล้วตักใส่จาน


5. ก่อนเสิร์ฟจึงราดด้วยซอสผักกาดขาว เป็นอันพร้อมรับประทาน


อาจดูเหมือนเครื่องจะเยอะสักหน่อย แต่จริงๆแล้วทำไม่ยากเลยค่ะ ลองทำดูนะคะ
Tips:
1.ควรผัดปลาหมึกไปสักครู่ให้เกือบสุกก่อนจึงค่อยเติมเครื่องปรุงอื่นๆลงไปผัดตาม โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะช่วยให้ปลาหมึกไม่เหนียวและผักไม่ช้ำจนเกินไป
2.ผงกะหรี่ถ้าใส่มากเกินไประวังจะขมด้วยค่ะ
3.ซอสผักกาดขาว หากจะไม่ราดซอสนี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ

ผัดกระเพราทูน่า


ส่วนผสม(Ingredient)

ทูน่า (Tuna )                                              พริกสด(Chili)
กระเทียม(Garlic)                                       ถั่วฝักยาว(String bean)
กะเพรา(Sweet basil)                                 ซอสหอยนางรม(Oyster sauce)
ผงปรุงรส (Seasoning powder)                   น้ำตาลทราย(Sugar)
พริกหยวก(Paprika)                                   ซีอิ้วหวาน(Sweet soy sauce)
หอมหัวใหญ่(Onion)                                  น้ำมันพืช(Oil)

ขั้นตอนการทำ(The process of making)

1.ตำพริกสดกับกระเทียมให้เข้ากันพอหยาบ
 (Pounding  chili and garlic together.)


2.นำถั่วฝักยาวมาหั่นเฉียงๆ
 (Cut beans.)

3.ซอยหอมหัวใหญ่ พริกหยวก
 (Sliced ​​onion  ,Paprika)

4.เด็ดใบกระเพราพักไว้
 (Tear  sweet basil.)

5.ตั้งกะทะใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยพริกกระเทียมที่ตำไว้ ลงไปผัด จนเหลืองหอม
(Pour oil into a pan   Puff  the garlic and chilli.)


6.ใส่ทูน่าลงไปผัด ตามด้วยถั่วฝักยาว พริกหยวก หอมหัวใหญ่ ซอสหอยนางรม ผัดให้เข้ากัน
 (Add onion, bell pepper, tuna, beans and oyster sauce.Stir to combine.)


7.ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ผงปรุงรส  ซีอิวหวาน ชิมรส ใส่กระเพราสุดท้ายเป็นอันเรียบร้อย
(Season to taste with Seasoning powder,Sweet soy sauce,sugar. Taste and add sweet basil)

ผู้ติดตาม